ติดต่อเราติดต่อเราFacebookติดต่อเรา

เปิดประวัติ โคนนทิ วัวพาหนะแห่งพระศิวะเทพ

จากกระแสมูเตลูที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ต้องยอมรับเลยว่าเป็นอีกเทรนด์ที่กระตุ้นความสนใจของผู้คนให้เกิดการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนได้อย่างมหาศาลกับธุรกิจแวดวงสายมู ไม่ว่าจะเป็น ดูดวง ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วอลล์เปเปอร์ผูกดวง ไอเทมเครื่องราง วัตถุมงคล แต่ถึงแม้เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้ผ่านตามาโดยตลอด ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้คนก็ยังออกตามหาแหล่งมูใหม่ ๆ กันอยู่เสมอ ยิ่งที่ไหนรีวิวว่าดี ก็มีหลายคนพร้อมไปพิสูจน์อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งแหล่งมูที่เราจะมาชี้เป้ากันในวันนี้ นับว่าเป็นต้นตำรับเก่าแก่ที่ย้อนไปถึงยุคเกษตรกรรมแห่งมนุษยชาติเลยทีเดียว นั้นก็คือ การบูชาโคนนทิ ผู้เป็นถึงพาหนะของมหาเทพศิวะ ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อวัฒนธรรมฮินดู ส่งผลให้ภายหลังมีอิทธิพลแผ่ขยายมาจนถึงประเทศไทย จวบจนปัจจุบันก็ยังมีการบูชาอย่างไม่ขาดสาย นับเป็นแหล่งมูอีกแห่งที่ไม่ควรมองข้าม

ประวัติโคนนทิ พาหนะแห่งพระศิวะเทพ

โคนนทิ หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ อุสุภราช เขียนด้วยภาษาสันสกฤตว่า नंदी ใช้ในนามของโคเผือก ผู้เป็นพาหนะของพระศิวะ หากเล่าย้อนกลับไปนั้นต้นกำเนิดได้เกิดจากครั้งที่เหล่าเทพได้ช่วยกันกวนเกษียรสมุทร ซึ่งพระกัศยปะต้องการให้นางโคสุรภีเป็นพาหนะประจำพระองค์ แต่ด้วยเหตุที่ว่านางโคสุรภีนั้นเป็นโคเพศเมียจึงไม่เหมาะกับการเป็นพาหนะ เพราะแท้จริงแล้วควรจะต้องเป็นโคเพศผู้มากกว่า ด้วยเหตุนี้พระกัศยปะจึงได้เนรมิตโคตัวผู้ขึ้นมาเพื่อสมสู่กับนางโคสุรภี โดยลูกโคที่เกิดมามีสีขาวปลอด เป็น เพศผู้ลักษณะดี ในภายหลังจึงได้ตั้งชื่อให้ในนามว่า นนทิ หรือ นันทิ(Nandi) และได้ถวายเพื่อให้รับใช้แด่พระศิวะ

อีกตำนานหนึ่งได้กล่าวถึงการกำเนิดของ โคอุสุภราช ว่าเดิมทีแล้ว ท่านเป็นเทพองค์หนึ่งชื่อ นนทิ ซึ่งเป็นเทพที่คอยดูแลเหล่าบรรดาสัตว์ 4 ขาทั้งมวลที่เชิงเขาไกรลาส ผู้เปรียบเป็นเทพแห่งผู้ปกครองสัตว์จัตุบาทหรือสัตว์สี่เท้าทั้งมวล และมักแปลงกายตนเองให้เป็นโคเผือกสีขาวเพศผู้ เพื่อเป็นพาหนะให้แด่พระศิวะเมื่อท่านเสด็จไปยังที่ต่าง ๆ

ในบางตำราได้กล่าวอีกด้วยว่า โคอุสุภราช เป็นถึงหัวหน้าแห่งเทพบริวารทั้งปวงของเทพพระศิวะอีกด้วย นอกจากนี้ยังปรากฏให้เห็นอีกว่า โคนนทิ ยังเป็นเทพที่มีทักษะทางนักดนตรีอีกด้วย โดยครั้งหนึ่งได้เคยร่วมนาฏกรรมรำฟ้อนกับพระศิวะ โดยรับหน้าที่ตีตะโพนควบคุมจังหวะ ในขณะที่องค์ศิวะร่ายรำ ในโอกาสสำคัญต่าง ๆ

อิทธิพลของโคนนทิบนหลักฐานทางวัฒนธรรม

อิทธิพลของโคนนทิ

สำหรับโคอุสุภราชในความเชื่อของชาวฮินดู ไม่เพียงถูกมองว่าเป็นเพียงพาหนะตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ได้รับการบูชาประดุจดั่งเทพเจ้าองค์หนึ่งที่หลายคนนับถือ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาว่าโคหรือวัวสำหรับชาวฮินดูถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ชาวฮินดูจึงไม่ฆ่าโคและกินเนื้อโคนั่นเอง ส่วนในพิธีมงคลของชาวฮินดู พราหมณ์จะนำมูลโคมาใช้เจิมหน้าผาก เพื่อถือว่าเป็นการเพิ่มสิริมงคลให้แก่ตนเอง อีกทั้งยังถือว่า โคอุสุภราช เป็นหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญที่สื่อถึงพระศิวะ ด้วยเหตุนี้ตามเทวาลัยของลัทธิไศวนิกายหลายแห่งที่บูชาพระศิวะก็มักมีรูปปั้นโคอุสุภราชประดิษฐานที่กลางวิหารไว้ด้วยเพื่อแสดงถึงการเคารพบูชา

ซึ่งประเทศไทยก็ได้รับอิทธิพลจากการบูชาโคด้วยเช่นกัน โดยจะเห็นได้ว่ารูปปั้นโคนนทิ มักถูกแฝงอยู่ในศาสนสถานวัฒนธรรมร่วมแบบเขมรไม่ว่าจะเป็น เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์, ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ อีกทั้งหากสังเกตให้ดีจะพบว่ายังไปปรากฎให้เห็นในตราตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง อันเป็นผลงานที่สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงออกแบบทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ รวมถึง “แผ่นตรานนทิมุข” ใช้สำหรับรถยนต์หลวง โดยมีอักษรตราไว้ว่า “กระทรวงวังอนุญาตรถนี้เข้าออกในพระบรมมหาราชวังได้” อีกทั้งยังใช้เป็นตราประจำจังหวัดน่านอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของโคที่แฝงเร้นอยู่ตามวัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลกแม้กระทั่งเรื่องของพระโค ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ สำหรับทางศาสนาพราหมณ์ ก็ได้หมายถึง เทวดาผู้ทำหน้าที่เป็นพาหนะให้แด่พระอิศวร เปรียบได้สัญลักษณ์ของความแข็งแรง เข้มแข็ง แรงงานที่ทนทาน ซึ่งจะเห็นได้ว่า โคหรือวัว ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญในหลายความหมาย

หากอ้างอิงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์จะพบได้ว่าสาเหตุที่มนุษย์ให้ความสำคัญกับโค อาจเป็นเพราะมีการเห็นความสำคัญถึงประโยชน์ในหลายด้านด้วยกัน นับตั้งแต่เข้าสู่ยุคที่มนุษย์เริ่มการทำเกษตรกรรม การใช้แรงงานสัตว์ก็ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก จนถึงขั้นเรียกได้ว่ามีความใกล้ชิดกับวิถีชีวิตมนุษย์ จึงมีส่วนให้สิ่งเหล่านี้ก่อเกิดเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมและมีการเผยแพร่ออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ

สายมูต้องรู้ บูชาโคนนทิ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

โคนนทิ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

เมื่อพูดถึงการบูชา โคนนทิ หรือ อุสุภราช ก็ย่อมมีการสื่อและระลึกถึงองค์พระศิวะโดยตรงอย่างขาดกันไม่ได้ จนถึงขนาดมีคำกล่าวว่าหลังจากบูชาพระศิวะแล้วก็ต้องบูชา ด้วยเช่นกัน โดยการบูชา โคนนทิ จึงทำให้เหล่าผู้นับถือต่างเชื่อว่าหากได้สักการบูชาจะช่วยส่งผลให้

  • สมความปรารถนาในพรที่ขอ
  • ชีวิตเจริญรุ่งเรืองมีมงคล ความสุขและโชคลาภ
  • มีกำลังในการฝ่าฟันอุปสรรค ทำอะไรก็สำเร็จ
  • มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ไร้โรคภัย มีพละกำลัง
  • ขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ออกไปไกลตัว

คุณเองก็สามารถบูชาได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป็น การกราบไหว้ ณ เทวสถาน ซึ่งมีการจัดประดิษฐ์ไว้ตามที่ต่าง ๆ การระลึกสวดมนต์ขอพร สักการะรูปปั้นตัวแทน หรือบูชาในรูปของวัตถุมงคล โดยทั้งหมดย่อมขึ้นอยู่กับความศรัทธาของแต่ละบุคคล ว่าจะนำความเชื่อเหล่านั้นมาปรับใช้ในชีวิตอย่างไร เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะตัดสินว่าเราควรประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราได้เริ่มลงมือทำอะไรไปบ้าง

Relate Post

01/10/2025
รู้จักกับช่างปั้น มรดกภูมิปัญญาไทย หนึ่งในระบบช่างสิบหมู่

เมื่อพูดถึงศิลปกรรมไทยที่งดงาม ละเอียด และเปี่ยมไปด้วยความหมาย ไม่ว่าเราจะเป็นลวดลายปูนปั้นสวยงามตามวัด หรือพระพุทธรูปอันสง่างาม งานศิลป์เหล่านี้ล้วนผ่านฝีมือของช่างที่มากด้วยความชำนาญ หนึ่งในนั้นคือช่างปั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในช่างสิบหมู่ อันเป็นระบบฝีมือช่างหลวงของไทยที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน ช่างปั้นไม่ใช่เพียงคนที่จับดินหรือปูนขึ้นรูปให้เป็นรูปทรงเท่านั้น แต่เป็นผู้สร้างชีวิตให้ศิลปะ ผ่านความเข้าใจในสัดส่วน ศรัทธาในศิลป์ และทักษะอันลึกซึ้ง โดยเราจะพาทุกท่ายไปรู้จักกับช่างสิบหมู่ และทำความรู้จักกับช่างปั้นให้มากขึ้นว่ามีความสำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของไทยเรา ช่างสิบหมู่คืออะไร? และช่างปั้นอยู่ในหมวดไหน ช่างสิบหมู่คือระบบการจำแนกประเภทของช่างฝีมือไทยที่ใช้ในงานศิลปกรรมหลวงและงานช่างพื้นบ้านชั้นสูง โดยแบ่งออกเป็น 10 สาขาวิชา ได้แก่ ช่างเขียน ช่างแกะ ช่างสลัก ช่างกลึง ช่างหล่อ ช่างปั้น ช่างหุ่น ช่างรัก ช่างบุ และช่างปูน ระบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและยังคงได้รับการสืบทอดและพัฒนาต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในบริบทของงานหลวง งานศาสนา และงานศิลปะประดับราชสำนัก ซึ่งช่างปั้นคือผู้มีบทบาทสำคัญในการขึ้นรูปต้นแบบของวัตถุต่าง ๆ โดยเฉพาะในงานประติมากรรมที่ต้องใช้ความแม่นยำในสัดส่วน ความละเอียดในการเก็บรายละเอียด และความเข้าใจเชิงลึกในเรื่องจิตวิญญาณของศิลปะไทย โดยช่างหนึ่งคนนอกจากการปั้นแล้ว อาจจะสามารถทำงานอื่น ๆ ที่คล้ายกันได้ด้วย หน้าที่ของช่างปั้นในระบบช่างสิบหมู่ ต้องทำอะไรบ้าง ช่างปั้นมีหน้าที่หลักในการสร้างรูปทรงหรือรูปร่างของวัตถุทางศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เทวดา สัตว์ในป่าหิมพานต์ หรือลวดลายไทยต่าง ๆ […]

Read More
15/09/2025
ประติมากรรมร่วมสมัย งานปั้นยุคใหม่ที่ไม่ได้มีไว้แค่โชว์

เมื่อพูดถึงงานปั้น ภาพในหัวของใครหลายคนอาจยังเป็นรูปปั้นในวัด รูปหล่อสำริดในพิพิธภัณฑ์ หรือรูปเหมือนบุคคลสำคัญที่ตั้งตระหง่านอยู่บนฐานหิน แต่ในโลกของศิลปะร่วมสมัย งานปั้นไม่ได้มีไว้แค่โชว์ความสวยงามหรือบอกเล่าเรื่องราวในอดีตอีกต่อไป แต่ประติมากรรมร่วมสมัย ที่ศิลปินยุคใหม่เริ่มใช้งานปั้นเป็นภาษาที่สื่อสารกับผู้คน บางชิ้นชวนตั้งคำถาม บางชิ้นพูดถึงความเปราะบางของชีวิต บางชิ้นเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมมีปฏิสัมพันธ์กับงานราวกับมันมีชีวิต งานปั้นกลายเป็นมากกว่าวัตถุ แต่คือแนวคิด คำพูด และการตั้งคำถามที่จับต้องได้ ซึ่งเราจะพาทุกท่านเข้าไปทำความรู้จักกับศิลปะในรูปแบบใหม่กันให้มากขึ้น ความหมายและพัฒนาการของประติมากรรมร่วมสมัย ประติมากรรมร่วมสมัย (Contemporary Sculpture) คือศิลปะการปั้นในยุคปัจจุบันที่หลุดพ้นจากขนบเดิม ๆ ทั้งในเรื่องของรูปแบบ เทคนิค และความหมาย มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำรูปเหมือนหรือรูปทรงที่สวยงามอีกต่อไป แต่เปิดกว้างให้ศิลปิน สร้างสรรค์ตามแนวคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว สังคม การเมือง หรือแม้กระทั่งปรัชญา ซึ่งต่างจากประติมากรรมในยุคก่อนที่เน้นความสมจริง ความณีต ประและการยึดโยงกับศาสนาและอำนาจแต่สิ่งนี้กลับเน้นการตั้งคำถามมากกว่าการให้คำตอบ ให้ผู้คนได้รู้สึกไปกับงาน มากกว่าจะแค่มีไว้ตั้งโชว์ โดยจุดเปลี่ยนของประติมากรรมร่วมสมัยเริ่มต้นจากช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อศิลปินทั่วโลกเริ่มแสดงความไม่เห็นด้วยกับระบบเดิม ๆ ทั้งในด้านศิลปะ การเมือง และวัฒนธรรม ความเจ็บปวด ความสูญเสีย และความเปลี่ยนแปลงของโลก กลายเป็นแรงผลักดันให้ศิลปะต้องพูดมากกว่าแค่การตกแต่งเพื่อความสวยงามนั่นเอง งานปั้นในประติมากรรมร่วมสมัย จากรูปทรงสู่แนวคิด ถ้าย้อนกลับไปในอดีต งานปั้นหรือประติมากรรมมักถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงสิ่งที่มองเห็น อย่างรูปคน รูปเทพ รูปสัตว์ […]

Read More
01/09/2025
ลายไทยปูนสด ศิลปะฝีมือที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นของช่างไทย

ในโลกของศิลปะไทย ลวดลายไม่ได้มีไว้แค่เพื่อความสวยงาม แต่เป็นเสมือนภาษาที่เล่าเรื่องราว ถ่ายทอดความเชื่อ ความศรัทธา และจิตวิญญาณของผู้สร้างสรรค์อย่างลึกซึ้ง หนึ่งในรูปแบบศิลปกรรมที่สะท้อนสิ่งเหล่านี้ได้ชัดเจนที่สุดก็คือปูนปั้นลายไทย ศิลปะฝีมือที่ต้องอาศัยทั้งทักษะ ความชำนาญ และหัวใจของช่างอย่างแท้จริง โดยส่วนมากแล้วงานปั้นที่ได้เห็นจะใช้ปูนสด ซึ่งเป็นกรรมวิธีการทำปูนตามแบบโบราณ ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ถึงแม้ในปัจจุบันนี้จะมีการใช้ปูนชนิดอื่นที่หาได้ง่ายมาทำการปั้น แต่การปั้นลายไทยนั้นยังคงอยู่ โดยลวดลายที่นำมาปั้นมักจะเป็นลายไทยแบบดั้งเดิม เช่น ลายกระหนก ลายเครือเถา ลายเทพพนม หรือแม้กระทั่งรูปสัตว์หิมพานต์ ซึ่งล้วนแล้วแต่สะท้อนเอกลักษณ์ความงามของศิลปกรรมไทยอย่างลึกซึ้ง การทำลายไทยปูนสดจึงไม่ใช่แค่งานประดับอาคาร แต่ยังเป็นศิลปะที่ผสมผสานจิตวิญญาณ ความรู้ และความศรัทธาเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ความเป็นมาของงานปูนปั้นลายไทย ศิลปกรรมสะท้อนชีวิต งานปั้นถือเป็นหนึ่งในศิลปะแรกเริ่มที่มนุษย์สร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการปั้นรูปคน สัตว์ หรือเครื่องใช้ต่าง ๆ ด้วยดินเหนียว ล้วนสะท้อนความคิด ความเชื่อ และวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละยุคสมัย ในประเทศไทย งานปั้นมีมาแต่โบราณ โดยเฉพาะในยุคทวารวดี ศรีวิชัย และสุโขทัย โดยงานปูนปั้นลายไทยเริ่มเห็นชัดเจนในสมัยอยุธยาตอนกลางถึงปลาย โดยเริ่มนำลายไทยแบบวาดมาปั้นให้เกิดมิติบนผนังอาคาร ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยเฉพาะในรัชกาลที่ 3 และ 4 งานปูนปั้นลายไทยเฟื่องฟูถึงขีดสุด เนื่องจากได้รับการส่งเสริมจากราชสำนักในการสร้างวัดหลวงและพระราชวัง เช่น วัดสุทัศน์ วัดราชบพิธ วัดพระแก้ว […]

Read More

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อเรา
ปูนปั้นช่างบรรจง รับปั้นรูปสัตว์ต่างๆ
ไก่ปูนปั้น ช้าง ม้า วัว ควาย ช้างทรง ม้าทรง ราคาถูกสั่งได้สอบถามก่อนได้ครับ
ติดต่อเราติดต่อเราFacebookติดต่อเรา
สถานที่ตั้งหน้าร้าน...
ร้านตั้งอยู่ก่อนถึงหมู่บ้านนนท์ณิชาบางใหญ่ 2 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี