ติดต่อเราติดต่อเราFacebookติดต่อเรา

ทำไมวัดต้องมี “รูปปั้นยักษ์” ? ถอดรหัสความเชื่อของไทย

กลางความเงียบสงบของวัดไทยในยามเช้า มีกลุ่มผู้เฝ้ามองนิ่งเงียบ ยืนตระหง่านอยู่หน้าวิหารมาตลอดหลายร้อยปี พวกเขาไม่ได้ขยับ ไม่พูด ไม่แม้แต่จะกระพริบตา แต่หากลองมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโต อันคมกริบเหล่านั้น คุณอาจรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่าง ที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

พวกเขาคือ “ยักษ์” รูปปั้นยักษ์ ที่เราคุ้นเคยกันดีตามวัดวาอารามต่าง ๆ ทั่วไทย หลายคนผ่านไปผ่านมาโดยไม่เคยตั้งคำถาม…“ยักษ์เหล่านี้คือใคร?” “ทำไมต้องยืนเฝ้าหน้าวัด?” “มีไว้ทำไม? หรือมีพลังบางอย่างที่แฝงอยู่หรือเปล่า?”

ในบทความนี้ เราจะพาคุณถอดรหัสเบื้องหลังของ "รูปปั้นยักษ์" ตั้งแต่รากลึกทางวัฒนธรรม ศิลปะ ความเชื่อ ไปจนถึงบทบาทใหม่ของยักษ์ในโลกยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป เพื่อให้เข้าใจว่า “ยักษ์” ไม่เคยเป็นเพียงแค่ประติมากรรมเงียบ ๆ หากแต่เป็นประตูแห่งเรื่องเล่าทางจิตวิญญาณที่ยังไม่เคยปิดลงเลยต่างหาก

ต้นกำเนิดของ “รูปปั้นยักษ์”ในวัฒนธรรมไทย

ต้นกำเนิดของ “รูปปั้นยักษ์”ในวัฒนธรรมไทย

“รูปปั้นยักษ์” ที่เราคุ้นตากันตามวัดวาอารามต่าง ๆ ในประเทศไทย ไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นจากจินตนาการของช่างฝีมือไทยล้วน ๆ หากแต่มีรากเหง้าลึกลงไปในวัฒนธรรมอินเดียโบราณ โดยคำว่า “ยักษ์” นั้น สันนิษฐานว่ามาจากภาษาสันสกฤตว่า “ยักขะ” (Yaksha) ซึ่งเป็นเทพชั้นรองหรือวิญญาณผู้พิทักษ์ในความเชื่อแบบฮินดูและพุทธในยุคต้น ๆ ยักขะดั้งเดิมไม่ได้มีเพียงรูปลักษณ์น่ากลัว หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่อาศัยอยู่ตามป่าเขา คอยปกป้องสมบัติ หรือแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และบางครั้งก็เป็นผู้รับใช้ของเทพเจ้าองค์ใหญ่ เช่น พระอินทร์หรือพระวิษณุ

เมื่อแนวคิดทางศาสนาและตำนานจากชมพูทวีปเดินทางเข้าสู่ดินแดนสุวรรณภูมิในช่วงก่อนสมัยสุโขทัยผ่านการเผยแผ่ศาสนาพุทธและวรรณกรรมอย่าง “รามายณะ” (ซึ่งถูกดัดแปลงเป็น “รามเกียรติ์” ในแบบไทย) ภาพลักษณ์ของยักษ์จึงเริ่มผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่น กลายเป็น “ยักษ์” แบบไทยที่เราคุ้นตา มีรูปลักษณ์ใหญ่โต ผิวกายสีสด แววตาดุดัน นุ่งเครื่องทรงลายวิจิตร และมีบทบาททั้งในฐานะ “ศัตรูของพระราม” และ “ผู้พิทักษ์เขตศักดิ์สิทธิ์” ไปพร้อมกัน

ในศิลปะไทย ยักษ์จึงไม่ใช่เพียงตัวละครในวรรณคดี แต่ถูกยกระดับเป็น ประติมากรรมศักดิ์สิทธิ์ ที่มีหน้าที่ปกป้องวัดวาอารามจากอำนาจชั่วร้าย เป็นสัญลักษณ์แห่งการข่มพลังอัปมงคล และเป็นตัวแทนของ "โลกียะ" ที่คอยยืนเตือนใจผู้ที่กำลังจะเข้าสู่โลกแห่งธรรม ด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเช่นนี้ รูปปั้นยักษ์จึงไม่เคยเป็นเพียงของประดับ แต่เป็นมรดกทางจิตวิญญาณ ที่ร้อยเรียงศรัทธา ศิลปะ และประวัติศาสตร์เอาไว้อย่างแนบแน่น

ทำไมต้องอยู่หน้าวัด? ถอดรหัสเชิงความเชื่อ

การที่ “รูปปั้นยักษ์” มักถูกวางไว้บริเวณหน้าวัด ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และยิ่งไม่ใช่แค่เพราะความงามทางศิลปกรรม แต่เป็นการวางตำแหน่งที่มี นัยทางความเชื่อที่ลึกซึ้งฝังรากในสังคมไทยมาแต่โบราณ วัดในไทยส่วนใหญ่เป็น “พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” ที่เชื่อว่าถูกแยกโลกมนุษย์ออกจาก “เขตธรรมะ” หรือโลกแห่งความบริสุทธิ์ การมีรูปปั้นยักษ์ตั้งอยู่ตรงบริเวณ “ทางเข้า” จึงเสมือนการตั้ง “ผู้เฝ้าประตู” (Gatekeeper) ที่ทำหน้าที่ป้องกันสิ่งอัปมงคลไม่ให้ล่วงล้ำเข้าสู่ดินแดนแห่งธรรมะ

ในอีกแง่หนึ่ง “ยักษ์” คือสิ่งมีชีวิตในป่าหิมพานต์ ผู้มีฤทธิ์และพละกำลังมหาศาล และแม้จะไม่ได้อยู่ในฝั่งธรรมเสมอไป แต่ก็มีบทบาทเป็น “ผู้เฝ้าแดน” มาตั้งแต่ในคติของศาสนาฮินดูและพุทธ การนำยักษ์มาไว้หน้าวัดจึงเป็นการข่มพลังร้าย ด้วยพลังที่ “ร้ายยิ่งกว่า” เพื่อให้ความสงบและศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดยังคงอยู่โดยไม่มีสิ่งใดรบกวน

นอกจากนี้ ยักษ์ยังเปรียบเสมือน ตัวแทนของความโลภ โกรธ หลง อาสวะภายในใจมนุษย์
การเดินผ่านรูปปั้นยักษ์ก่อนเข้าสู่เขตศาสนา จึงเหมือนเป็นการ “ฝากอัตตา” ไว้ที่ประตูวัด
เพื่อเตือนใจให้ละทิ้งกิเลสก่อนเข้าสู่โลกแห่งธรรมะ เป็นการเตรียมกายและใจให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติธรรม

ดังนั้น ยักษ์จึงไม่เพียงเป็น “ผู้ป้องกัน” ทางกายภาพ แต่ยังเป็น “เครื่องเตือนจิต” ทางนามธรรมที่ยิ่งใหญ่ บทบาทของเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อความขลัง หากแต่ยืนอยู่เพื่อทำหน้าที่สำคัญที่สุดและปกป้องความสงบของจิตวิญญาณ

ศิลปะในรูปปั้นยักษ์: รายละเอียดที่ไม่ใช่แค่ความใหญ่

ศิลปะในรูปปั้นยักษ์ รายละเอียดที่ไม่ใช่แค่ความใหญ่

แม้ตัวยักษ์จะถูกจดจำด้วยขนาดอันมหึมา แต่สิ่งที่ทำให้ยักษ์เป็น “ประติมากรรมที่มีชีวิต” กลับซ่อนอยู่ในรายละเอียดที่เล็กจนน่าทึ่ง ตั้งแต่ลวดลายบนเครื่องทรง สีของผิวกาย ไปจนถึงการวางมือ ท่ายืน และแววตา ยักษ์แต่ละตนไม่ได้เหมือนกันหมด แต่มี “อัตลักษณ์เฉพาะ” ที่สะท้อนบทบาทและตำนาน เช่น

  • ทศกัณฐ์ มักมีหน้าหลายชั้น สีเขียวเข้ม บ่งบอกถึงพลังและอำนาจ
  • อินทรชิต ใช้โทนแดง สื่อถึงความกล้าหาญและจิตวิญญาณนักรบ

เครื่องทรงของยักษ์นั้นยังเลียนแบบจาก “ราชาศิลป์” โบราณ คือมีลวดลายดอกพิกุล ใบไม้ เปลวไฟ ซึ่งมีรากมาจากคติจักรวาลและธรรมชาติ การตกแต่งด้วยโมเสกสี หรือกระจกตัด เรียกว่าเป็น “งานช่างสิบหมู่” ชั้นครู ต้องใช้ความละเอียดระดับไมครอน และความเข้าใจเรื่องแสง เงา เพื่อให้ยักษ์ดูมีชีวิตยิ่งขึ้นเมื่อกระทบแดด

นอกจากนี้ การยืน การวางอาวุธ หรือแม้แต่องศาการเอียงหัว ล้วนสะท้อน “ท่วงท่า” ที่ถูกออกแบบไว้ตามตำราศิลปะไทย เช่น ท่ายืนของรูปปั้นยักษ์บางตนจะเอนไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อ “แสดงเจตจำนงปกป้อง” เหมือนกำลังข่มพลังจากโลกภายนอก

ตัวอย่างรูปปั้นยักษ์ ในวัดดังของไทย

แม้เราจะคุ้นเคยกับรูปปั้นยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าวัด แต่แท้จริงแล้วยักษ์ในแต่ละวัดล้วนมีอัตลักษณ์เฉพาะที่บ่งบอกเรื่องราว ศรัทธา และศิลปะเฉพาะถิ่นที่ต่างกันออกไป วัดอรุณราชวราราม หรือ “วัดแจ้ง” คือหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มี “ยักษ์คู่” อันโด่งดังที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ ทศกัณฐ์ และ สหัสเดชะ ซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายยักษ์จากวรรณคดีรามเกียรติ์ ยืนอยู่คนละฝั่งของประตูพระวิหารใหญ่ ด้วยท่วงท่าสง่างาม ดวงตาคมกริบ และเครื่องทรงสีสดสะท้อนแสงแดด ยักษ์ทั้งสองตนนี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้เฝ้าประตูวัด แต่ยังกลายเป็น “สัญลักษณ์ร่วมสมัย” ของกรุงเทพมหานครในสายตานักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ถัดมาไม่ไกล วัดโพธิ์ หรือ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม” ก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีประติมากรรมยักษ์หลากหลายตน รายล้อมอยู่รอบพระอุโบสถ ขนาบแน่นอนในรูปแบบสมมาตรและสง่างาม ยักษ์เหล่านี้ถูกประดับอย่างประณีตด้วยกระเบื้องโมเสกหลากสีตามแบบช่างสิบหมู่ เป็นตัวแทนของทหารยักษ์ผู้ปกป้องศาสนาในตำนาน

ในอีกมิติที่แตกต่าง วัดไผ่โรงวัว จังหวัดสุพรรณบุรี นำเสนอยักษ์ในมุม “นรกภูมิ” อันน่าพิศวง ด้วยประติมากรรมขนาดมหึมา รูปร่างดุดัน บางตนยืนอยู่กลางแดดพร้อมทัณฑ์บนมือ บางตนอยู่ในฉากจำลองนรก-สวรรค์ ช่วยเป็นเครื่องเตือนใจผู้มาเยือนให้ตระหนักถึงผลของกรรมดีกรรมชั่ว

และไม่พูดถึงไม่ได้คือ “สนามบินสุวรรณภูมิ” จุดต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มีรูปปั้นยักษ์ไทย 12 ตนจากมหากาพย์รามเกียรติ์ ตั้งตระหง่านภายในโถงผู้โดยสารขาออก ยักษ์แต่ละตนถูกออกแบบด้วยความประณีตตามลักษณะเฉพาะ ทั้งสี เครื่องทรง และท่าทาง พร้อมป้ายแนะนำชื่อและตำนานสั้น ๆ ในรูปแบบสองภาษา เพื่อแสดงให้เห็นว่ายักษ์ไทยไม่ใช่แค่ “ของประดับ” แต่เป็นผู้แทนของศิลปะไทยระดับสูงที่สามารถสื่อสารกับสายตาชาวโลก

สถานที่เหล่านี้คือภาพสะท้อนความหลากหลายของ “ยักษ์” ในบริบทไทย บางตนดุ บางตนสง่า บางตนน่าเกรงขาม ขณะที่บางตนกลับกลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม ไม่ว่ารูปลักษณ์จะต่างกันอย่างไร ทุกรูปปั้นล้วนเชื่อมโยงด้วยรากเดียวกันคือความเชื่อ ศิลปะ และพลังแห่งจิตวิญญาณที่ยังคงยืนหยัดอยู่ในไทยมาทุกยุคทุกสมัย

สรุปเรื่องราว: เมื่อ “รูปปั้นยักษ์” ไม่ใช่แค่ปูน… แต่คือพลังศรัทธา

รูปปั้นยักษ์ในวัฒนธรรมไทย ไม่ได้เป็นแค่ประติมากรรมหน้าวัดเพื่อความอลังการ
แต่แฝงไว้ด้วยรากเหง้าแห่งความเชื่อ ศิลปะ และจิตวิญญาณที่ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทยมาแต่โบราณ
ยักษ์ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็น “ผู้พิทักษ์เขตศักดิ์สิทธิ์” เฝ้าวัด ปกป้องพระธรรม และเป็นเครื่องเตือนใจให้มนุษย์ นอกจากนี้ ยังถือว่าเป็น งานศิลป์แห่งแผ่นดิน ที่ล้วนผ่านกระบวนการสร้างด้วยภูมิปัญญาช่างไทยที่ลึกซึ้ง ทั้งในมิติศิลปะ ความเชื่อ และความร่วมสมัยอย่างไม่จำกัดขอบเขต

ตามความเชื่อดั้งเดิมของไทย การถวายรูปปั้นยักษ์แก่พระอาราม ถือเป็นการ “สร้างมหากุศล” เพื่อให้เกิดพลังในการ ปกป้องศาสนา เช่นเดียวกับที่ยักษ์ยืนเฝ้าประตูวัดคือผู้ป้องกันเขตธรรมจากอัปมงคล
ผู้ถวายจะได้รับอานิสงส์ในด้าน เสริมบารมี ขจัดภัย ข่มศัตรู และเพิ่มพลังปกป้องให้ชีวิตมั่นคง ถือเป็น การสร้างรูปเคารพเพื่ออุทิศถวายแด่พระศาสนา ซึ่งเป็น “อานิสงส์ขั้นสูง” ที่เชื่อว่าจะส่งผลให้ผู้สร้างมีพลังคุ้มครองชีวิตทั้งชาตินี้และภพหน้า

หากคุณกำลังวางแผนจะถวายรูปปั้นยักษ์ให้กับวัด หรือมองหา “ยักษ์คู่บ้าน คู่ร้าน” ไม่ว่าจะเป็น ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ เราพร้อมปั้นใหม่ หรือสั่งทำพิเศษได้ ที่ “ปูนปั้นช่างบรรจง” พร้อมช่วยดูแลทุกขั้นตอนอย่างครบวงจร

Relate Post

03/11/2025
คอนกรีตพิมพ์ลาย สวย ทน งบไม่บาน สไตล์ตามความต้องการของคุณ

ในปัจจุบันการตกแต่งพื้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่กระเบื้องหรือหินธรรมชาติอีกต่อไป เพราะคอนกรีตพิมพ์ลาย ได้กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความสวยงามและความแข็งแรงทนทาน กระบวนการทำงานคือการเทคอนกรีตและกดแม่พิมพ์ลงไปเพื่อสร้างลวดลายที่เลียนแบบวัสดุจริง ไม่ว่าจะเป็นหินอ่อน หินแกรนิต อิฐ ไม้ หรือแม้แต่ลายหินธรรมชาติที่ดูหรูหรา ทำให้พื้นดูมีมิติและโดดเด่นมากขึ้นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง สิ่งที่ทำให้คอนกรีตพิมพ์ลายได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องก็คือการผสมผสานระหว่างดีไซน์ที่หลากหลาย ราคาเข้าถึงได้ และการใช้งานที่ยาวนาน เจ้าของบ้านสามารถเลือกสีและลายได้ตามความต้องการ เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งเดียว แต่ได้พื้นสวยทนไปอีกหลายปี หากคุณกำลังหาตัวเลือกที่ทั้งสวย ใช้งานได้จริง และประหยัดงบประมาณ คอนกรีตพิมพ์ลายคืออะไร? ทำไมถึงกลายเป็นวัสดุฮิตสำหรับงานตกแต่งพื้น คอนกรีตพิมพ์ลาย (Stamped Concrete) คือการตกแต่งพื้นคอนกรีตให้มีลวดลายและสีสันใกล้เคียงกับวัสดุธรรมชาติ เช่น หินธรรมชาติ อิฐ ไม้ หรือกระเบื้อง วิธีการทำคือการเทคอนกรีตสดลงบนพื้น จากนั้นโรยสีพิเศษที่เรียกว่า Color Hardener เพื่อเพิ่มความทนทานและความสวยงาม ก่อนจะกดแม่พิมพ์ลงไปให้เกิดลวดลายที่ต้องการ และปิดท้ายด้วยการเคลือบผิวด้วย Sealer เพื่อให้พื้นเงางามและป้องกันคราบ สิ่งที่ทำให้คอนกรีตพิมพ์ลายได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เพราะมันตอบโจทย์คนที่อยากได้พื้นสวยแบบมีดีไซน์ แต่ไม่ต้องลงทุนสูงเหมือนกับการใช้หินจริงหรือกระเบื้องราคาแพง นอกจากนี้ยังดูแลรักษาง่าย แข็งแรงทนทาน และใช้งานได้ยาวนาน เหมาะทั้งกับบ้านพักอาศัย โครงการหมู่บ้าน รีสอร์ท คาเฟ่ ไปจนถึงพื้นที่สาธารณะ อีกเหตุผลที่ทำให้คอนกรีตพิมพ์ลายเป็นวัสดุฮิต ก็คือความยืดหยุ่นด้านดีไซน์ เจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการสามารถเลือกโทนสี ลวดลาย […]

Read More
14/10/2025
รูปปั้นเทพเจ้าจีน ความงดงามทางศิลป์ที่ซ่อนความเชื่อและศรัทธา

รูปปั้นเทพเจ้าจีน คือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรมจีนที่ผสมผสานศิลปะ ความเชื่อ และความศรัทธาเข้าไว้ด้วยกันอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในศาลเจ้า วัดจีน หรือแม้แต่บนหิ้งบูชาในบ้านของคนไทยเชื้อสายจีน รูปปั้นเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา หากยังสะท้อนความงดงามทางศิลป์อย่างน่าชื่นชม รายละเอียดขององค์เทพแต่ละองค์ เช่น สีหน้า ท่าทาง เครื่องแต่งกาย หรือวัสดุที่ใช้ ล้วนมีความหมายเฉพาะตัวและถูกออกแบบขึ้นอย่างพิถีพิถันตามความเชื่อโบราณ การปั้นรูปเทพในวัฒนธรรมจีนจึงไม่ได้ทำขึ้นเพียงเพื่อให้ดูคล้ายเทพองค์นั้นเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการเรียกพลังขององค์เทพมาสถิตอยู่กับผู้บูชา เราจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจถึงความงดงามทางศิลปะที่ซ่อนอยู่ในรูปปั้น พร้อมทั้งสำรวจเบื้องหลังความเชื่อ ที่ทำให้งานประติมากรรมเหล่านี้มีความหมายยิ่งกว่าคำว่ารูปปั้นสำหรับการบูชาหรือขอพร ความหมายของการสร้างรูปเทพเจ้าในวัฒนธรรมจีน ในวัฒนธรรมจีน การสร้างรูปปั้นเทพเจ้าไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพื่อให้เห็น แต่เป็นกระบวนการที่มีความหมายลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ ศิลปะ และสังคม รูปเคารพขององค์เทพเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโลกของมนุษย์กับโลกของสวรรค์ เป็นเครื่องมือที่ใช้สื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และในขณะเดียวกันก็สะท้อนแนวคิดด้านจักรวาล วิถีชีวิต และคุณค่าทางศีลธรรมของผู้คนในสังคมนั้น ๆ โดยองค์เทพตามความเชื่อของชาวจีน เช่น เง็กเซียนฮ่องเต้ เจ้าแม่กวนอิม หรือไฉ่ซิงเอี๊ยะ ล้วนมีต้นกำเนิดจากเรื่องเล่า ตำนาน และคำสอนทางศาสนา ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่มีอิทธิพลต่อจิตใจของผู้คน การสร้างรูปปั้นขึ้นมา จึงเป็นการให้ร่างกับสิ่งที่ไร้รูปร่าง เพื่อให้มนุษย์สามารถสื่อสาร บูชา หรือเข้าถึงได้ การมีรูปเป็นองค์เทพ จึงช่วยให้ผู้ศรัทธาเกิดความรู้สึกใกล้ชิด มีจุดรวมของศรัทธาที่ชัดเจน และสามารถแสดงความเคารพในรูปแบบที่จับต้องได้ เช่น การจุดธูป […]

Read More
01/10/2025
รู้จักกับช่างปั้น มรดกภูมิปัญญาไทย หนึ่งในระบบช่างสิบหมู่

เมื่อพูดถึงศิลปกรรมไทยที่งดงาม ละเอียด และเปี่ยมไปด้วยความหมาย ไม่ว่าเราจะเป็นลวดลายปูนปั้นสวยงามตามวัด หรือพระพุทธรูปอันสง่างาม งานศิลป์เหล่านี้ล้วนผ่านฝีมือของช่างที่มากด้วยความชำนาญ หนึ่งในนั้นคือช่างปั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในช่างสิบหมู่ อันเป็นระบบฝีมือช่างหลวงของไทยที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน ช่างปั้นไม่ใช่เพียงคนที่จับดินหรือปูนขึ้นรูปให้เป็นรูปทรงเท่านั้น แต่เป็นผู้สร้างชีวิตให้ศิลปะ ผ่านความเข้าใจในสัดส่วน ศรัทธาในศิลป์ และทักษะอันลึกซึ้ง โดยเราจะพาทุกท่ายไปรู้จักกับช่างสิบหมู่ และทำความรู้จักกับช่างปั้นให้มากขึ้นว่ามีความสำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของไทยเรา ช่างสิบหมู่คืออะไร? และช่างปั้นอยู่ในหมวดไหน ช่างสิบหมู่คือระบบการจำแนกประเภทของช่างฝีมือไทยที่ใช้ในงานศิลปกรรมหลวงและงานช่างพื้นบ้านชั้นสูง โดยแบ่งออกเป็น 10 สาขาวิชา ได้แก่ ช่างเขียน ช่างแกะ ช่างสลัก ช่างกลึง ช่างหล่อ ช่างปั้น ช่างหุ่น ช่างรัก ช่างบุ และช่างปูน ระบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและยังคงได้รับการสืบทอดและพัฒนาต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในบริบทของงานหลวง งานศาสนา และงานศิลปะประดับราชสำนัก ซึ่งช่างปั้นคือผู้มีบทบาทสำคัญในการขึ้นรูปต้นแบบของวัตถุต่าง ๆ โดยเฉพาะในงานประติมากรรมที่ต้องใช้ความแม่นยำในสัดส่วน ความละเอียดในการเก็บรายละเอียด และความเข้าใจเชิงลึกในเรื่องจิตวิญญาณของศิลปะไทย โดยช่างหนึ่งคนนอกจากการปั้นแล้ว อาจจะสามารถทำงานอื่น ๆ ที่คล้ายกันได้ด้วย หน้าที่ของช่างปั้นในระบบช่างสิบหมู่ ต้องทำอะไรบ้าง ช่างปั้นมีหน้าที่หลักในการสร้างรูปทรงหรือรูปร่างของวัตถุทางศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เทวดา สัตว์ในป่าหิมพานต์ หรือลวดลายไทยต่าง ๆ […]

Read More

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อเรา
ปูนปั้นช่างบรรจง รับปั้นรูปสัตว์ต่างๆ
ไก่ปูนปั้น ช้าง ม้า วัว ควาย ช้างทรง ม้าทรง ราคาถูกสั่งได้สอบถามก่อนได้ครับ
ติดต่อเราติดต่อเราFacebookติดต่อเรา
สถานที่ตั้งหน้าร้าน...
ร้านตั้งอยู่ก่อนถึงหมู่บ้านนนท์ณิชาบางใหญ่ 2 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี