ติดต่อเราติดต่อเราFacebookติดต่อเรา

 “ม้าทรง” พาหนะคู่บุญของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

หากพูดถึงพาหนะคู่บุญของพระมหากษัตริย์ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีจะ “ม้าทรง” เพราะถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมีที่พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงนำมาเป็นพาหนะขณะทำศึกสงคราม เนื่องจากมีความปราดเปรียว ว่องไว เช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ได้ทรงเลือกม้าเป็นม้าทรงในการทำ ศึกสงคราม จนมีการขนานนามว่าพระองค์ทรงเป็น “นักรบบนหลังม้า” ทำให้พระบรมราชานุสาวรีย์ พระเจ้าตากสินมหาราชส่วนใหญ่จะเป็นรูปปั้นพระองค์ทรงม้าออกรบอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชคู่กับม้าทรง ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนใหญ่ ถนนประชาธิปก เป็นรูปปั้นพระเจ้าตากสินในลักษณะทรงม้า พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ มีความสูงจากเท้าม้าถึงยอดพระมาลา 9 เมตร ฐานอนุสาวรีย์เป็นแท่นคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 8.90 เมตร กว้าง 1.80 เมตร ยาว 3.90 เมตร

นอกจากนี้ สองด้านของแท่นฐานมีรูปปั้นนูนด้านละ 2 กรอบรูป ถ่ายทอดภาพประวัติศาสตร์อยู่ 4 รูป โดยรูปแรกเป็นรูปประชาชนทุกวัยแสดงอาการโศกเศร้าหมดความหวังเมื่อกรุงแตก รูปที่สองเป็นรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเกลี้ยกล่อมให้ประชาชนรวมกำลังกันต่อสู้กู้อิสรภาพ รูปที่สามเป็นรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงต่อสู้ข้าศึก และรูปสุดท้ายคือรูปประชาชนพลเมืองมีความสุขที่กอบกู้อิสรภาพได้สำเร็จ โดยอนุสาวรีย์นี้ได้เปิดปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2497 และมีพิธีสักการะพระบรมรูป ในวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี หรือที่เรียกว่า วันถวายบังคมสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

เปิดประวัติ เล่าเรื่อง “ม้าทรง” ในพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช

ม้าทรง 2

หากใครมีโอกาสได้แวะเวียนไปแถววงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี อยากให้ลองสังเกตรูปปั้นม้าทรงของ พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช แล้วจะเห็นว่าหางของม้านั้นไม่ได้ลู่ลงอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งผิดวิสัยของม้าในขณะที่หยุดวิ่ง ซึ่งประเด็นนี้ทำให้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างจากทั้งสถาปนิก และนักวิจารณ์ศิลปะ

อาจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้ออกแบบพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชนี้ ได้ออกมาพูดว่า “ถ้าพูดถึงลักษณะกายวิภาคของม้า ตรงส่วนโคนหางนั้นมีกระดูกอยู่จึงทำให้ม้าสามารถยกหางขึ้นได้เล็กน้อย ส่วนขนที่อยู่ในหางถ้าพูดกันตามหลักความเป็นจริงก็ยกไม่ได้ แต่ด้วยแรงแกว่ง หรือแรงลม จึงทำให้หางม้าสามารถปลิวไสว และยกขึ้นได้อย่างที่เห็น อีกหนึ่งเหตุผลที่หางม้ายกขึ้นนั่นก็เพราะต้องการปั้นให้ม้าตัวนี้มีลักษณะตื่นตัว พร้อมรบเต็มที่”

นอกจากนี้ อาจารย์ศิลป์ พีระศรี ยังอธิบายไว้เพิ่มเติมในเรื่องของหางม้าที่ชี้ขึ้นอีกว่า พระเจ้าตากสินและม้าต่างก็อยู่ในอาการตึงเครียด พระองค์กระชับบังเหียนเพื่อจะรุดไปข้างหน้า และม้าทรงก็ตื่นเต้นคึกคักที่จะพุ่งไปข้างหน้าเช่นกัน เมื่อเป็นดังนี้ หู และหางที่ชันชี้ จึงสอดคล้องกับความตื่นคะนองของสัตว์อย่างที่ทุกคนเห็นกันนั่นเอง

กว่าจะมาเป็นรูปปั้นม้าทรงในพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช

ม้าทรง 3

พระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นนักรบบนหลังม้า ดังนั้น พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชจึงมีม้าทรงอยู่ด้วย แต่กว่าจะมาเป็นรูปปั้นม้าทรงอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันนั้นไม่ง่าย เพราะนอกจากจะต้องผ่านการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มสถาปนิก และนักศิลปะในเรื่องของหางม้าที่ชี้ขึ้นแล้ว ยังมีการวิจารณ์ถึงขนาดลำตัวของม้าว่าตัวเล็กเกินไป ดูไม่เหมาะสมกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ตามประวัติของพระเจ้าตากสินมหาราช ม้าทรงของพระองค์นั้นจะเป็นม้าพันธุ์ไทย แต่ม้าที่แรกเริ่มจะนำมาเป็นแบบในการสร้างม้าของพระเจ้าตากนั้นเป็นม้าพันธุ์อาหรับอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าอาจารย์ศิลป์ พีระศรี นั้นยังไม่พอใจ แต่มารู้สึกพอใจกับม้าไทยที่ดูธรรมดา และมีขนาดลำตัวเล็กกว่าพันธ์อาหรับ โดยอาจารย์ศิลป์ได้ให้เหตุผลถึงสาเหตุที่ตัดสินใจเลือกม้าพันธุ์ไทยมาเป็นแบบว่า “ถ้าให้ปั้นม้าตัวใหญ่ ๆ ก็ต้องเป็นม้าจากต่างประเทศ แต่ในยุคสมัยนั้นพระเจ้าตากสินทรงม้าไทย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ปั้นม้าตัวใหญ่”

ประเด็นสุดท้ายที่มีคนท้วงติงก่อนจะมาเป็นรูปปั้นม้าทรงในพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั่นก็คือ ม้ายืนนิ่งวางขาทั้งสี่อยู่ระนาบเดียวกันกับพื้น ไม่มีการยกแข้งยกขาให้ดูพลิ้วไหวแบบที่อื่น ซึ่งประเด็นนี้อาจารย์ศิลป์ก็ได้ให้เหตุผลไว้ว่า ม้าที่ยืนนิ่งวางขาทั้งสี่อยู่ระนาบเดียวกันนั้นสื่อถึงอารมณ์ที่กำลังเผชิญกับความตายในสนามรบ ท่าทางจึงต้องนิ่ง เพื่อสื่อถึงการอยู่ใต้อาณัติ กล้ามเนื้อทุกมัดบีบเกร็ง ดูเคร่งเครียด ไม่ใช่ยกแข้งยกขาทำราวกับกำลังเดินสวนสนามท่ามกลางเสียงโห่ร้องสรรเสริญ

จะเห็นได้ว่ากว่าจะมาเป็นรูปปั้นม้าทรงในพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชนั้นไม่ง่ายเอาเสียเลย เพราะกว่าจะนำมาตั้งอยู่กลางวงเวียนใหญ่อย่างสง่าผ่าเผยก็ทำเอาผู้ออกแบบอย่าง อาจารย์ศิลป์ พีระศรี ต้องออกมาอธิบาย และให้เหตุผลกันอยู่หลายครั้ง แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นการอธิบายที่คุ้มค่า เพราะทำให้ทุกฝ่ายไร้ข้อกังขาจนทำให้มีพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชทรงม้าตั้งตระหง่านอยู่กลางวงเวียนใหญ่ถึงทุกวันนี้

Relate Post

03/11/2025
คอนกรีตพิมพ์ลาย สวย ทน งบไม่บาน สไตล์ตามความต้องการของคุณ

ในปัจจุบันการตกแต่งพื้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่กระเบื้องหรือหินธรรมชาติอีกต่อไป เพราะคอนกรีตพิมพ์ลาย ได้กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความสวยงามและความแข็งแรงทนทาน กระบวนการทำงานคือการเทคอนกรีตและกดแม่พิมพ์ลงไปเพื่อสร้างลวดลายที่เลียนแบบวัสดุจริง ไม่ว่าจะเป็นหินอ่อน หินแกรนิต อิฐ ไม้ หรือแม้แต่ลายหินธรรมชาติที่ดูหรูหรา ทำให้พื้นดูมีมิติและโดดเด่นมากขึ้นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง สิ่งที่ทำให้คอนกรีตพิมพ์ลายได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องก็คือการผสมผสานระหว่างดีไซน์ที่หลากหลาย ราคาเข้าถึงได้ และการใช้งานที่ยาวนาน เจ้าของบ้านสามารถเลือกสีและลายได้ตามความต้องการ เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งเดียว แต่ได้พื้นสวยทนไปอีกหลายปี หากคุณกำลังหาตัวเลือกที่ทั้งสวย ใช้งานได้จริง และประหยัดงบประมาณ คอนกรีตพิมพ์ลายคืออะไร? ทำไมถึงกลายเป็นวัสดุฮิตสำหรับงานตกแต่งพื้น คอนกรีตพิมพ์ลาย (Stamped Concrete) คือการตกแต่งพื้นคอนกรีตให้มีลวดลายและสีสันใกล้เคียงกับวัสดุธรรมชาติ เช่น หินธรรมชาติ อิฐ ไม้ หรือกระเบื้อง วิธีการทำคือการเทคอนกรีตสดลงบนพื้น จากนั้นโรยสีพิเศษที่เรียกว่า Color Hardener เพื่อเพิ่มความทนทานและความสวยงาม ก่อนจะกดแม่พิมพ์ลงไปให้เกิดลวดลายที่ต้องการ และปิดท้ายด้วยการเคลือบผิวด้วย Sealer เพื่อให้พื้นเงางามและป้องกันคราบ สิ่งที่ทำให้คอนกรีตพิมพ์ลายได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เพราะมันตอบโจทย์คนที่อยากได้พื้นสวยแบบมีดีไซน์ แต่ไม่ต้องลงทุนสูงเหมือนกับการใช้หินจริงหรือกระเบื้องราคาแพง นอกจากนี้ยังดูแลรักษาง่าย แข็งแรงทนทาน และใช้งานได้ยาวนาน เหมาะทั้งกับบ้านพักอาศัย โครงการหมู่บ้าน รีสอร์ท คาเฟ่ ไปจนถึงพื้นที่สาธารณะ อีกเหตุผลที่ทำให้คอนกรีตพิมพ์ลายเป็นวัสดุฮิต ก็คือความยืดหยุ่นด้านดีไซน์ เจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการสามารถเลือกโทนสี ลวดลาย […]

Read More
14/10/2025
รูปปั้นเทพเจ้าจีน ความงดงามทางศิลป์ที่ซ่อนความเชื่อและศรัทธา

รูปปั้นเทพเจ้าจีน คือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรมจีนที่ผสมผสานศิลปะ ความเชื่อ และความศรัทธาเข้าไว้ด้วยกันอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในศาลเจ้า วัดจีน หรือแม้แต่บนหิ้งบูชาในบ้านของคนไทยเชื้อสายจีน รูปปั้นเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา หากยังสะท้อนความงดงามทางศิลป์อย่างน่าชื่นชม รายละเอียดขององค์เทพแต่ละองค์ เช่น สีหน้า ท่าทาง เครื่องแต่งกาย หรือวัสดุที่ใช้ ล้วนมีความหมายเฉพาะตัวและถูกออกแบบขึ้นอย่างพิถีพิถันตามความเชื่อโบราณ การปั้นรูปเทพในวัฒนธรรมจีนจึงไม่ได้ทำขึ้นเพียงเพื่อให้ดูคล้ายเทพองค์นั้นเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการเรียกพลังขององค์เทพมาสถิตอยู่กับผู้บูชา เราจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจถึงความงดงามทางศิลปะที่ซ่อนอยู่ในรูปปั้น พร้อมทั้งสำรวจเบื้องหลังความเชื่อ ที่ทำให้งานประติมากรรมเหล่านี้มีความหมายยิ่งกว่าคำว่ารูปปั้นสำหรับการบูชาหรือขอพร ความหมายของการสร้างรูปเทพเจ้าในวัฒนธรรมจีน ในวัฒนธรรมจีน การสร้างรูปปั้นเทพเจ้าไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพื่อให้เห็น แต่เป็นกระบวนการที่มีความหมายลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ ศิลปะ และสังคม รูปเคารพขององค์เทพเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโลกของมนุษย์กับโลกของสวรรค์ เป็นเครื่องมือที่ใช้สื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และในขณะเดียวกันก็สะท้อนแนวคิดด้านจักรวาล วิถีชีวิต และคุณค่าทางศีลธรรมของผู้คนในสังคมนั้น ๆ โดยองค์เทพตามความเชื่อของชาวจีน เช่น เง็กเซียนฮ่องเต้ เจ้าแม่กวนอิม หรือไฉ่ซิงเอี๊ยะ ล้วนมีต้นกำเนิดจากเรื่องเล่า ตำนาน และคำสอนทางศาสนา ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่มีอิทธิพลต่อจิตใจของผู้คน การสร้างรูปปั้นขึ้นมา จึงเป็นการให้ร่างกับสิ่งที่ไร้รูปร่าง เพื่อให้มนุษย์สามารถสื่อสาร บูชา หรือเข้าถึงได้ การมีรูปเป็นองค์เทพ จึงช่วยให้ผู้ศรัทธาเกิดความรู้สึกใกล้ชิด มีจุดรวมของศรัทธาที่ชัดเจน และสามารถแสดงความเคารพในรูปแบบที่จับต้องได้ เช่น การจุดธูป […]

Read More
01/10/2025
รู้จักกับช่างปั้น มรดกภูมิปัญญาไทย หนึ่งในระบบช่างสิบหมู่

เมื่อพูดถึงศิลปกรรมไทยที่งดงาม ละเอียด และเปี่ยมไปด้วยความหมาย ไม่ว่าเราจะเป็นลวดลายปูนปั้นสวยงามตามวัด หรือพระพุทธรูปอันสง่างาม งานศิลป์เหล่านี้ล้วนผ่านฝีมือของช่างที่มากด้วยความชำนาญ หนึ่งในนั้นคือช่างปั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในช่างสิบหมู่ อันเป็นระบบฝีมือช่างหลวงของไทยที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน ช่างปั้นไม่ใช่เพียงคนที่จับดินหรือปูนขึ้นรูปให้เป็นรูปทรงเท่านั้น แต่เป็นผู้สร้างชีวิตให้ศิลปะ ผ่านความเข้าใจในสัดส่วน ศรัทธาในศิลป์ และทักษะอันลึกซึ้ง โดยเราจะพาทุกท่ายไปรู้จักกับช่างสิบหมู่ และทำความรู้จักกับช่างปั้นให้มากขึ้นว่ามีความสำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของไทยเรา ช่างสิบหมู่คืออะไร? และช่างปั้นอยู่ในหมวดไหน ช่างสิบหมู่คือระบบการจำแนกประเภทของช่างฝีมือไทยที่ใช้ในงานศิลปกรรมหลวงและงานช่างพื้นบ้านชั้นสูง โดยแบ่งออกเป็น 10 สาขาวิชา ได้แก่ ช่างเขียน ช่างแกะ ช่างสลัก ช่างกลึง ช่างหล่อ ช่างปั้น ช่างหุ่น ช่างรัก ช่างบุ และช่างปูน ระบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและยังคงได้รับการสืบทอดและพัฒนาต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในบริบทของงานหลวง งานศาสนา และงานศิลปะประดับราชสำนัก ซึ่งช่างปั้นคือผู้มีบทบาทสำคัญในการขึ้นรูปต้นแบบของวัตถุต่าง ๆ โดยเฉพาะในงานประติมากรรมที่ต้องใช้ความแม่นยำในสัดส่วน ความละเอียดในการเก็บรายละเอียด และความเข้าใจเชิงลึกในเรื่องจิตวิญญาณของศิลปะไทย โดยช่างหนึ่งคนนอกจากการปั้นแล้ว อาจจะสามารถทำงานอื่น ๆ ที่คล้ายกันได้ด้วย หน้าที่ของช่างปั้นในระบบช่างสิบหมู่ ต้องทำอะไรบ้าง ช่างปั้นมีหน้าที่หลักในการสร้างรูปทรงหรือรูปร่างของวัตถุทางศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เทวดา สัตว์ในป่าหิมพานต์ หรือลวดลายไทยต่าง ๆ […]

Read More

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อเรา
ปูนปั้นช่างบรรจง รับปั้นรูปสัตว์ต่างๆ
ไก่ปูนปั้น ช้าง ม้า วัว ควาย ช้างทรง ม้าทรง ราคาถูกสั่งได้สอบถามก่อนได้ครับ
ติดต่อเราติดต่อเราFacebookติดต่อเรา
สถานที่ตั้งหน้าร้าน...
ร้านตั้งอยู่ก่อนถึงหมู่บ้านนนท์ณิชาบางใหญ่ 2 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี