ติดต่อเราติดต่อเราFacebookติดต่อเรา

ช้างทรง ช้างคู่บารมีที่อยู่คู่ชาวไทยมาอย่างยาวนาน

ช้างทรง หรือที่เรียกกันในอดีตว่า ช้างคู่บารมี คือช้างที่ได้รับการแต่งตั้งให้อยู่กับพระมหากษัตริย์ หรือพระมหาอุปราชในเวลาสงคราม ซึ่งแน่นอนว่า ช้างทรง มีระดับยศถาบรรดาศักดิ์ที่ไม่ธรรมดา อยู่สูงเหนือกว่าช้างทั่วไป หรือช้างศึกในสมัยนั้น ทำให้ได้รับการปฏิบัติที่ดี และตำหนักพิเศษที่ถูกสร้างมาเพื่อช้างทรงโดยเฉพาะ ลักษณะพิเศษในอดีตของช้างทรงที่มักนิยม คือความแข็งแกร่ง มีงาที่ยาวและสวย

อีกทั้ง ช้างเผือกมักถูกเลือกมาเป็นช้างทรงอยู่บ่อยครั้ง เพราะช้างเผือก เป็นตัวแทนของความเป็นมงคล นอกจากนี้ในอดีตช้างถูกนำมาใช้ในด้านต่าง ๆ มากมาย ทั้งความสัมพันธ์กับคนไทยในอดีต ตัวแทนเอกลักษณ์ของไทย ด้านการศึกสงคราม และด้านการใช้แรงงานในสมัยก่อน ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าช้างมีความพิเศษอย่างมาก และด้วยความพิเศษในอดีตที่ผ่านมา ช้างจึงมักถูกนำไปกราบไหว้ บูชา แก้บนในความเชื่อของคนไทยอีกด้วย

ความเป็นมาของช้างทรง

ความเป็นมาของช้างทรง

เราจะเห็นได้ว่า ช้างทรง นั้นมีเกียรติยศ และบารมีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนัง “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” หรือการ์ตูนไทยอย่างเรื่อง “ก้านกล้วย” ที่มีช้างเป็นตัวเอก และเป็นช้างทรงของพระนเรศวร นอกจากนี้ ข้อมูลอีกอย่างที่น่าสนใจคือ ช้างเผือก มักถูกนำมาเป็นช้างทรงอยู่เสมอเพราะเป็นช้างที่หายาก และเป็นเหมือนดั่งตัวแทนของความมงคลของผู้เป็นเจ้าของ อย่างพระมหากษัตริย์หรือพระเจ้าอยู่หัว

นอกจากนี้ เคยมีบันทึกไว้ว่าสมัยก่อนเคยมีสงครามที่แก่งแย่ง ช่วงชิงช้างเผือกกันด้วย อดีตกาลช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทยเรามาอย่างยาวนาน ช้างมักถูกนำมาใช้งานด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านแรงงาน ด้านการทำศึก โดยในอดีตช้างจะถูกจับแบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้

ช้างทรง ชั้น 1

เป็นช้างเผือกและที่โปรดเป็นพิเศษ ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มีช้างเผือกคู่บุญญาธิการ 2 เชือก คือ “พระอินทร์ไอยราวรรณวิสุทธราชกิรินี” เป็นช้างพังเผือก กับช้างพลายเผือกอีกเชือกหนึ่งชื่อ “เจ้าพระยาบรมคเชนทรฉัททันต์” ส่วนช้างทรงคู่บารมีอีกเชือกหนึ่งที่โปรดมากคือ “พระบรมรัตนากาศ ไกรลาศคีรีวงศ์” คงจะอยู่ในกลุ่มช้างทรงชั้น 1 ด้วย

เล่ากันว่า เมื่อสมเด็จพระนารายณ์เสด็จสวรรคต (11 กรกฎาคม 2231) พระบรมรัตนากาศฯ (ช้างทรง) ก็ถึงกับกาลล้ม (ตาย) ตามในไม่ช้าช้างทรงชั้น 1 เหล่านี้น่าจะมีตำหนักพิเศษทำด้วยไม้อยู่ในเขตพระราชฐานชั้น 1 ในพระราชวัง อาจอยู่ในลานระหว่างพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท กับพระที่นั่งจันทรพิศาล

ช้างทรง ชั้น 2

ณ พระราชวังลพบุรี น่าจะมี 2-4 เชือก ที่ทรงใช้ประจำเวลาเสด็จงาน พิธีเสด็จไปตำหนักทะเลชุบศรและเสด็จล่าโพนช้างในป่า รวมทั้งเสด็จเยี่ยมราษฎรในบางคราวด้วย ช้างทรงเหล่านี้จะมีตำหนักก่ออิฐถือปูนแข็งแรง ปัจจุบันยังมีให้เห็น 2 ตำหนักระหว่างกำแพงเขตพระราชฐานชั้นในด้านประตู หน้าพระที่นั่งสุทธาสวรรค์ กับกำแพงด้านหลังตึกรับแขกเมืองและตึกพระเจ้าเหา

ช้างศึก

มีอยู่เป็นจำนวนมาก ถนัดด้านการใช้แรงงานทั่วไป และส่วนหนึ่งน่าจะมีโรงเรือนช้างศึกอยู่รอบนอก กำแพงพระราชวังในระดับเดียวหรือใกล้เคียงกับกรมอัศวราช

นอกจากนี้ช้างทรงยังถูกนับให้เปรียบเสมือนดั่งสัตว์ที่มีบารมีสูงส่ง ดังนั้นหากช้างทรงล้มตายจากไป จะมีการสร้างอัฐิที่เก็บเถ้ากระดูกไว้อย่างเป็นพิเศษ เพื่อแสดงว่าช้างทรงเป็นช้างคู่บารมีของพระเจ้าอยู่หัว หรือเจ้าเหนือหัวอยู่เสมอ

ความเชื่อเกี่ยวกับช้างและช้างทรง

ความเชื่อเกี่ยวกับช้างและช้างทรง

ภาพหนึ่งที่คุ้นตาสำหรับผู้เดินทางไปกราบไหว้ขอพรพระ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เราจะเห็นได้จากศาลเจ้าหรือในที่ที่ผู้คนมากราบไหว้บูชาของคนไทย มักจะมีรูปปั้นช้างที่มีเครื่องคชาภรณ์ (เครื่องประดับช้าง) หรือที่มักเรียกกันว่า “ช้างแก้บน” อยู่เสมอ ซึ่งช้างเหล่านั้นถือว่าเป็นตัวแทนของเหล่าช้างทรงอีกด้วย

นอกจากนี้ในการบนหรือมีความเชื่อที่ว่า ช้างเป็นสัญลักษณ์แห่งพลัง ความเฉลียวฉลาด และสัญลักษณ์ของอำนาจ ตั้งแต่อดีตจึงมักถูกถ่ายทอดลงงานศิลปกรรมในหลายแขนง ๆ ทั้งภาพเขียน ปูนปั้น จิตรกรรม ตามฝาผนังในพระอุโบสถ และพระวิหารในวัดโบราณหลายแห่ง จนถึงการนำเอาช้างมาเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นรูปช้างเผือกพระยาเศวตไอยรา ยืนแท่นอยู่ในเรือนแก้ว

เดิมทีช้างเป็นสัตว์ที่ถูกนับถืออย่างมากอยู่แล้วในหลายศาสนา ตัวอย่างเช่น พระพิฆเนศ เป็นเทพองค์หนึ่งในศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดู ซึ่งคนไทยรู้จักกันดี ดังนั้นช้างทรงก็เปรียบเสมือนเทพที่อยู่คู่กับคนไทยในการออกศึกของพระมหกษัตริย์ไทยในอดีต

ช้างจึงมักถูกนำมาสักการะบูชา และแก้บนในเรื่อง ความมั่นคง สิริมงคล อำนาจและบารมี และความสมบูรณ์ จึงถือว่าช่วยเสริมพลังแห่งความมั่นคงของธุรกิจ และการงาน และทำให้ครอบครัวเป็นสุขได้ จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นเห็นเหล่าปูนปั้นช้าง ที่เหมือนช้างทรงตามที่กราบไหว้ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ

นอกจากนี้ มีความแตกต่างระหว่างปูนปั้นช้างทั่วไป กับปูนปั้นช้างทรงในจุดที่ว่าปูนปั้นช้างทั่วไป เป็นสัญลักษณ์แห่งพลัง ความเฉลียวฉลาด แต่หากเป็นปูนปั้นช้างทรงจะเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงอำนาจ และความเป็นมงคล ผู้คนจึงมักนิยมนับปูนปั้นช้างที่มีเครื่องคชาภรณ์ (เครื่องประดับช้าง) มากราบไหว้ แก้บนตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้น หากคุณสนใจปูนปั้นช้างมากราบไหว้ แก้บน ทาง ปูนปั้นช่างบรรจง ของเรา รับทำช้างปูนปั้นทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ช้างแก้บน ช้างคู่ ช้างเผือก และช้างทรง โครงสร้างแข็งแรง สวยงาม สนใจโทรสอบถามช่างบรรจง โทร 081-909-1660 หรือ Line สอบถาม คลิก

Relate Post

13/06/2025
ทำไมวัดต้องมี “รูปปั้นยักษ์” ? ถอดรหัสความเชื่อของไทย

กลางความเงียบสงบของวัดไทยในยามเช้า มีกลุ่มผู้เฝ้ามองนิ่งเงียบ ยืนตระหง่านอยู่หน้าวิหารมาตลอดหลายร้อยปี พวกเขาไม่ได้ขยับ ไม่พูด ไม่แม้แต่จะกระพริบตา แต่หากลองมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโต อันคมกริบเหล่านั้น คุณอาจรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่าง ที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ พวกเขาคือ “ยักษ์” รูปปั้นยักษ์ ที่เราคุ้นเคยกันดีตามวัดวาอารามต่าง ๆ ทั่วไทย หลายคนผ่านไปผ่านมาโดยไม่เคยตั้งคำถาม…“ยักษ์เหล่านี้คือใคร?” “ทำไมต้องยืนเฝ้าหน้าวัด?” “มีไว้ทำไม? หรือมีพลังบางอย่างที่แฝงอยู่หรือเปล่า?” ในบทความนี้ เราจะพาคุณถอดรหัสเบื้องหลังของ "รูปปั้นยักษ์" ตั้งแต่รากลึกทางวัฒนธรรม ศิลปะ ความเชื่อ ไปจนถึงบทบาทใหม่ของยักษ์ในโลกยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป เพื่อให้เข้าใจว่า “ยักษ์” ไม่เคยเป็นเพียงแค่ประติมากรรมเงียบ ๆ หากแต่เป็นประตูแห่งเรื่องเล่าทางจิตวิญญาณที่ยังไม่เคยปิดลงเลยต่างหาก ต้นกำเนิดของ “รูปปั้นยักษ์”ในวัฒนธรรมไทย “รูปปั้นยักษ์” ที่เราคุ้นตากันตามวัดวาอารามต่าง ๆ ในประเทศไทย ไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นจากจินตนาการของช่างฝีมือไทยล้วน ๆ หากแต่มีรากเหง้าลึกลงไปในวัฒนธรรมอินเดียโบราณ โดยคำว่า “ยักษ์” นั้น สันนิษฐานว่ามาจากภาษาสันสกฤตว่า “ยักขะ” (Yaksha) ซึ่งเป็นเทพชั้นรองหรือวิญญาณผู้พิทักษ์ในความเชื่อแบบฮินดูและพุทธในยุคต้น ๆ ยักขะดั้งเดิมไม่ได้มีเพียงรูปลักษณ์น่ากลัว หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่อาศัยอยู่ตามป่าเขา คอยปกป้องสมบัติ หรือแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และบางครั้งก็เป็นผู้รับใช้ของเทพเจ้าองค์ใหญ่ เช่น […]

Read More
13/06/2025
รูปปั้นจระเข้ สัญลักษณ์แห่งพลังและความศักดิ์สิทธิ์ในวัฒนธรรมไทย

หากคุณเคยเดินผ่านวัดเก่าแก่หรือบ้านโบราณบางหลัง แล้วบังเอิญเหลือบไปเห็นรูปปั้นจระเข้วางอยู่หน้าบ้าน หน้าศาล หรือแม้แต่ริมแม่น้ำ คุณอาจสงสัยว่าทำไมต้องเป็นจระเข้ ทั้งที่ในสายตาของใครหลายคน จระเข้ดูเป็นสัตว์ดุร้าย ไม่น่าพิสมัยสักเท่าไหร่ แต่ในอีกมุมหนึ่งจระเข้ในวัฒนธรรมไทยไม่ใช่เพียงสัตว์น้ำที่น่าเกรงขาม แต่ยังเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์กับโลกใต้น้ำ เป็นผู้พิทักษ์แม่น้ำลำคลองและนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นหนึ่งในความเชื่อของคนไทยมาเนิ่นนาน จากสัตว์ในตำนานสู่รูปปั้นที่ตั้งตระหง่าน จระเข้มีบทบาททั้งในวรรณกรรม พิธีกรรม และความเชื่อพื้นบ้านอย่างลึกซึ้ง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับความหมายของรูปปั้นจระเข้ จุดเริ่มต้นของความเชื่อนี้ และเหตุผลว่าทำไมมันถึงยังคงมีที่ยืนในวัฒนธรรมไทยแม้ในยุคปัจจุบัน ความเชื่อเกี่ยวกับจระเข้ รูปปั้นจระเข้ ในวัฒนธรรมไทย ในวัฒนธรรมไทย จระเข้มีความสำคัญทั้งในแง่ความเชื่อทางศาสนา นิทานพื้นบ้าน และประเพณีต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน จึงได้เห็นรูปปั้นจระเข้อยู่ตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ มากมาย โดยความเชื่อเกี่ยวกับจระเข้ในไทยมีหลากหลายแง่มุม ซึ่งมีความเชื่อดังนี้ ความหมายมงคลของรูปปั้นจระเข้ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ รูปปั้นจระเข้มีความหมายที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัฒนธรรม แต่มักสื่อถึงคุณลักษณะสำคัญ และในแง่ของความมงคลดังนี้ สรุป ในสังคมไทยความเชื่อเกี่ยวกับจระเข้หยั่งรากลึกทั้งในมิติทางศาสนา วรรณกรรม พิธีกรรม และศิลปกรรม รูปปั้นจระเข้ถูกนำไปใช้ในหลากหลายบริบท ทั้งในสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง ความเชื่อและพิธีกรรม ธุรกิจและพาณิชย์ การศึกษาและการอนุรักษ์ รวมถึงศิลปะและวัฒนธรรม การใช้งานที่หลากหลายนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของจระเข้ในวิถีชีวิตของผู้คน เมื่อพิจารณาในภาพรวมรูปปั้นจระเข้จึงไม่ใช่เพียงวัตถุทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นสื่อกลางที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และความเชื่อทางจิตวิญญาณ

Read More
04/06/2025
ปูนปั้นแนวสตรีทอาร์ต: สร้างมิติใหม่ให้กับศิลปะในพื้นที่สาธารณะ

เมื่อพูดถึง ความเป็น "สตรีทอาร์ต" หลายคนอาจนึกถึงภาพวาดกราฟฟิตี้ที่แสดงลวดลายสีสันลงบนกำแพง หรือสติ๊กเกอร์สุดครีเอทีฟที่แอบซ่อนอยู่ตามมุมถนน แต่คุณเคยคิดไหมว่า ศิลปะที่เราเห็นเหล่านั้นสามารถ "ลอยออกมา" จากกำแพงได้? และกลายเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกในรูปแบบของปูนปั้นที่จะเข้ามาปฏิวัติวงการศิลปะแนว Street Art ที่เต็มไปด้วยสีสันและความคิดสร้างสรรค์ ในพื้นที่ของตัวเอง โดยไม่ใช่แค่งานปั้นธรรมดาแบบในพิพิธภัณฑ์ หรือประติมากรรมที่ตั้งอยู่ในสวน แต่คือ ศิลปะที่มาพร้อมกับเรื่องราวที่สัมผัสได้จริง มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และสร้างความตื่นเต้นให้ผู้ชมได้ราวกับสมบัติอันล้ำค่า ปูนปั้นในโลกศิลปะ จากงานดั้งเดิมสู่งานร่วมสมัยในสไตล์สตรีทอาร์ต ปูนปั้นในอดีตเปรียบเหมือนงานศิลป์ที่เล่าเรื่องราวแห่งยุคสมัย ที่บอกเล่าความเชื่อ ความศรัทธา และวัฒนธรรมของผู้คนในแต่ละยุค ไม่ว่าจะเป็น ลวดลายปูนปั้นตามเจดีย์ในวัดวาอาราม รูปปั้นในโบสถ์เก่าแก่ หรือ ประติมากรรมเทพเจ้าในยุโรป ทุกชิ้นงานล้วนสะท้อนถึงศิลปะเชิงพิธีกรรมความเชื่อที่งดงามไร้กาลเวลาที่มีความละเอียดอ่อนในทุกการปั้น แต่มาถึงยุคนี้ ศิลปินยุคใหม่ไม่เพียงแต่ต้องการความงดงามในเชิงศิลปะ แต่ยังต้องการสร้างความ ดิบ และ ตรงไปตรงมา ที่สามารถสื่อสารกับผู้คนทั่วไปได้แบบไม่มีข้อจำกัด ซึ่งประติมากรรมปูนปั้นก็สามารถวิวัฒนาการจากศิลปะในกรอบดั้งเดิมสู่การแสดงออกในพื้นที่เมือง โดยมีสตรีทอาร์ตเป็นแรงผลักดันได้ งานที่เคยถูกจำกัดไว้ในพื้นที่ ก็สามารถมาอยู่บนพื้นที่ส่วนตัวหรือพื้นที่สาธารณะและเล่าเรื่องราวร่วมสมัยในแบบที่ทุกคนจับต้องได้ นี่คือการคืนชีวิตให้กับงานปั้นในรูปแบบใหม่ และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างคนกับศิลปะ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แรงบันดาลใจในงานปูนปั้นแนวสตรีทอาร์ต ศิลปะทุกแขนงล้วนมีแรงบันดาลใจ และในงานปูนปั้นแนวสตรีทอาร์ตนั้น ก็มีแรงบันดาลใจที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องของความสวยงาเท่านั้น แต่ยังพุ่งเป้าไปที่การสื่อสารเรื่องราวมากมายที่สะท้อนมุมมองของชีวิตในเมือง และ การเล่าเรื่องที่กระตุกอารมณ์ของผู้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นงานที่สะท้อนความจริงของสังคม หรืองานที่สร้างสรรค์จินตนาการใหม่ […]

Read More

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อเรา
ปูนปั้นช่างบรรจง รับปั้นรูปสัตว์ต่างๆ
ไก่ปูนปั้น ช้าง ม้า วัว ควาย ช้างทรง ม้าทรง ราคาถูกสั่งได้สอบถามก่อนได้ครับ
ติดต่อเราติดต่อเราFacebookติดต่อเรา
สถานที่ตั้งหน้าร้าน...
ร้านตั้งอยู่ก่อนถึงหมู่บ้านนนท์ณิชาบางใหญ่ 2 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี