ประเพณีผีปู่แสะ ย่าแสะ ที่อยู่กับคนเชียงใหม่อย่างยาวนาน

ประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศที่แต่ละภูมิภาคมีความเชื่อแตกต่างกัน และในแต่ละพื้นที่ในภูมิภาค มักมีความเชื่อประจำถิ่นของตัวเอง ที่เล่าขานกันมาตั้งแต่อดีตกาล ซึ่งความเชื่อบางอย่างเหล่านี้ได้มีการประกอบพิธีที่ทำกันต่อมาเรื่อย ๆ ยันปัจจุบัน กลายจนเป็นขนบธรรมเนียม ประเพณีประจำถิ่น และหนึ่งในภาคเหนือนับเป็นพื้นที่ที่มีความเชื่อเรื่องผีสางมาอย่างยาวนาน และหนึ่งในความเชื่อที่โด่งดังในภาคเหนือ และคนเชียงใหม่รู้จักกันดีกับประเพณีผี ปู่แสะ ย่าแสะ

ประวัติความเป็นมาของ ปู่แสะ ย่าแสะ

ประเพณีผีปู่แสะ ย่าแสะ หรืออีกชื่อคือประเพณีเลี้ยงดง เป็นความเชื่อดั้งเดิมของคนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และมีสถานที่บูชาอยู่จริง จัดที่ทางตอนใต้ของดอยสุเทพ บนพื้นที่อุทยาน​แห่งชาติแม่เหียะ โดยประเพณีดังกล่าวเป็นการกราบไหว้บูชา ผียักษ์ 2 ตนคือผีปู่และย่าแสะ ซึ่งคนเชียงใหม่มีความเชื่อว่า ปู่และย่าแสะ เป็นเหมือนดั่งผี ผู้ปกป้องคุ้มครองและรักษาเมืองเชียงใหม่ให้อยู่ดีกินดีมาตั้งแต่ในอดีต

โดยมีประวัติความเป็นมาจากตำนานพื้นเมืองที่เล่าว่า เมื่อก่อนปู่และย่าแสะ อาศัยอยู่กัน 3 ตนกับลูกของตนเอง โดยทั้ง 3 ตนเป็นยักษ์ และด้วยความเป็นยักษ์จึงไล่จับกินผู้คน จนสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนในพื้นที่บริเวณนั้น และเกิดเป็นเรื่องเล่าบอกต่อกันอย่างแพร่หลาย จนเมื่อกระทั่งพระพุทธเจ้า หรือบางที่ก็เล่าว่าเป็นกลุ่มคณะพระสงฆ์ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา (ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคน) ได้เดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนา จนเสด็จมาถึงบริเวณดอยสุเทพ บริเวณที่ยักษ์ทั้งสามอยู่อาศัย และได้ยินเรื่องราวความน่ากลัวของยักษ์ที่กินเนื้อคน จึงได้เสด็จไปหายักษ์ทั้งสาม เพื่อเทศนาไม่ให้สร้างความหวาดกลัว และถือศีล ละเว้นการกินเนื้อมนุษย์ จนยักษ์ทั้งสามเกิดความเลื่อมใส และศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในระดับที่ยักษ์คนลูกศรัทธาพระพุทธศาสนาและขอออกบวช อีกทั้งการเทศนาดังกล่าวได้ขอละเว้นการให้กินเนื้อมนุษย์เสีย แต่ยักษ์ได้ขอต่อรองว่า อย่างน้อยขอกินเนื้อสัตว์ตามสัญชาติญาณยักษ์ก็ยังดี จนได้ข้อสรุปว่าให้กินเนื้อควายได้ปีละ 1 ครั้ง

ประเพณีผีปู่แสะ ย่าแสะ ผู้ปกป้องคุ้มครองเมืองเชียงใหม่

แม้ภายหลังยักษ์ปู่แสะ ย่าแสะ จะสิ้นอายุขัยไปแล้ว แต่ชาวบ้านในบริเวณพื้นที่นั้นยังคงเกรงกลัวอิทธิฤทธิ์ และความน่ากลัวของยักษ์ทั้งสองอยู่ จึงยังคงมีการจัดพิธีเซ่นสรวจหรือประเพณีเลี้ยงผีดง บูชาถวายควายให้อยูทุกปี โดยพิธีดังกล่าวจะถูกจัดในวันที่ 14 ค่ำ เดือน 9 เหนือ (เดือนมิถุนายน) ของทุกปี โดยเชื่อว่าวิญญาณของปู่และย่าแสะจะช่วยรักษาและปกป้องคุ้มครองพื้นที่และชาวบ้านให้อยู่อย่างสงบ และปลอดภัย

ด้วยเวลาที่ไหลผ่านไป คนในพื้นที่ หรือคนเชียงใหม่ในอดีต ยังคงสืบทอบและประกอบพิธีกันต่อมาเรื่อย ๆ ด้วยความเชื่อที่ว่า วิญญาณของปู่และย่าแสะเป็นเหมือนดั่งผู้ปกป้องคุ้มครองที่ทำให้ชาวบ้านและเมืองเชียงใหม่ปลอดภัย และสงบสุข พิธีดังกล่าวยังคงถูกจัดมาเรื่อย ๆ อยู่ทุกปี มาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นเหมือนดั่งขนบธรรมเนียม ประเพณีประจำจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องทำกันทุกปี หรือที่เรียกกันว่า ประเพณีเลี้ยงดงหรือประเพณีผีปู่แสะ ย่าแสะ นั้นเอง

ประเพณีผีปู่แสะ ย่าแสะ ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย

ประเพณีผีปู่แสะ ย่าแสะ ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย

ประเพณีผีปู่แสะ ย่าแสะ คือพิธีที่มีการถวายควายให้ทุกเดือนมิถุนายนของทุกปี เพื่อเป็นการกราบไหว้บูชาและขอให้วิญญาณปู่และย่าแสะ ปกป้องคุ้มครองชาวบ้าวและเมืองอยู่อย่างสงบสุข ซึ่งรายละเอียดของพิธีนี้ในอดีตมีทั้งการบวงสรวจ ถวายควายที่เป็นสัตว์ตัวเป็น ๆ ฆ่าควายและถวายเนื้อควายสดให้แก่ทั้งวิญญาณสอง ผ่านร่างทรง ซึ่งหากมองในอดีตแล้วอาจจะเป็นเรื่องปกติ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเข้าถึงของโลกอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ทำให้รายละเอียดการประกอบพิธีของประเพณีผีปู่แสะ ย่าแสะ มีผู้คนได้เห็นกันอย่างแพร่หลาย จนเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเพณีนี้ไม่เหมาะสมและดูโหดร้ายป่าเถื่อนเกินไปในยุคสมัยนี้ เนื่องจากพิธีต้องฆ่าควายสด ๆ และมีการให้ร่างทรงกินเนื้อควายสดเพื่อเลี้ยงผีปู่และย่าแสะ

อีกทั้งยังเกิดการถกเถียงกันว่า ควรหยุดประเพณีนี้ไป เพราะประเพณีนี้ทั้งงมงาย และดูโหดร้ายทารุณกับสัตว์ (ควาย) มากเกินไป แต่ในฝั่งของชาวบ้าน หรือคนในพื้นที่ก็มีการโต้แย้งโต้เถียงเช่นกันว่า ประเพณีนี้ทำกันมาอย่างยาวนาน และเป็นประเพณีที่สำคัญของคนในพื้นที่ จะให้เลิกทำทันทีได้อย่างไร

การถกเถียงกันกันไปมาอย่างยาวนานนี้เอง ทำให้มีข้อสรุปในจุดตรงกลางที่ยอมรับได้ว่า ประเพณีผีปู่และย่าแสะยังคงมีการถวายควายให้อย่างเหมือนเดิม แต่เป็นในรูปแบบของรูปปั้นควายแทน เพื่อลดความโหดร้ายทารุณต่อสัตว์ และยังเป็นการสืบทอดประเพณีอันเก่าแก่นี้ต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้เองทำให้พิธีผีปู่แสะ ย่าแสะ หรือประเพณีเลี้ยงดง ของคนเชียงใหม่ในปัจจุบันมีการนำรูปปั้นควายไปถวายบูชาแทน

ซึ่งอดีตกาล ทุกพิธีที่มีการเลี้ยงผีมักจะมีการฆ่าควายเพื่อถวายผีอยู่อย่างเสมอ ในอดีตคนเรามองว่าการฆ่าควายอาจเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร แต่กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ความโหดร้ายทารุณต่อสัตว์ที่มีน้อยลง การฆ่าควายเพื่อประกอบพิธีจึงไม่ใช่เรื่องเหมาะสมสักเท่าไรนักกับยุคสมัยนี้ จึงได้มีการทำรูปปั้นควาย ที่เปรียบเสมือนตัวแทนควาย ในการกราบไหว้บูชา และประกอบพิธีแทน

ศาลปู่แสะ ย่าแสะ กับการกราบไหว้บูชา

ศาลปู่แสะ ย่าแสะ กับการกราบไหว้บูชา

ประเพณีเลี้ยงดงหรือประเพณีผีปู่แสะ ย่าแสะ ไม่ได้มีแค่การประกอบพิธีในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น แต่ยังมีศาลสำหรับปู่และ ย่าแสะ เพื่อให้ผู้คนมากราบไหว้บูชา ได้อีกด้วย ศาลปู่และย่าแสะนับว่ามีความศักดิ์สิทธ์เป็นอย่างมาก เพราะประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาและเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา จึงทำให้คนไทยหลายคนนำปูนปั้นควายไปกราบไหว้บูชา บนบานสานกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหากใครที่ต้องการกราบไหว้บูชาปู่แสะ ย่าแสะนี้หรือมองหารูปปั้นควายในการนำไปกราบไหว้บูชา และการบน สามารถติดต่อได้ที่ปูนปั้นช่างบรรจง เราพร้อมรับทำปูนปั้นควาย ทุกขนาด ทุกแบบที่ต้องการสนใจโทรสอบถามช่างบรรจง โทร 081-909-1660

Relate Post

25/11/2024
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ความศักดิ์สิทธิ์และความเชื่อที่มีมาแต่อดีต

ในประเทศไทย ความเชื่อ ความศักดิ์สิทธิ์ และความศรัทธาเป็นของที่อยู่ด้วยกันมาอย่างยาวนาน ในทุกความเชื่อและประเพณีของชาติไทย “ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง” หรือ “ศาลหลักเมือง” คือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธาของคนในแต่ละจังหวัดได้อย่างไม่น่าเหลือเชื่อ เพราะเป็นศูนย์กลางแห่งความเชื่อที่ผูกพันชีวิตของชุมชนและวัฒนธรรมไทยอย่างแยกไม่ออก ตั้งแต่ยุคสุโขทัยผ่านยุคอยุธยาและมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ ศาลหลักเมืองไม่เพียงแต่พื้นที่ที่สำคัญสำหรับการประกอบพิธีกรรมในแต่ละจังหวัดเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจและวัฒนธรรมที่มีความเป็นไทยสืบสานกันต่อมา การที่แต่ละเมือง (จังหวัด) ต่างมีศาลหลักเมืองเป็นของตนเอง ไม่เพียงแสดงถึงความเชื่อและความเป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างชุมชน และประชากรในพื้นที่นั้นที่มีตั้งแต่ในอดีตต่อเมือง ดังนั้นบทความในครั้งนี้เราจะพาไปสำรวจประวัติและความเป็นมาของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกันว่าทำไมถึงมีขึ้นมา และมีความเชื่ออะไรจึงทำให้กลายเป็นดั่งศูนย์รวมของคนในแต่ละเมือง (จังหวัด) ร่องรอยประวัติความเป็นของศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง หรือที่ถูกเรียกสั้น ๆ ว่า “ศาลหลักเมือง” เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่รวมความเชื่อและพิธีกรรมของหลายศาสนาเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งศาสนาพุทธ, พราหมณ์ และศาสนาพื้นบ้านแบบจีน มักตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นชัยภูมิสำคัญของเมืองอย่าง “เสาหลักเมือง” โดยแต่ครั้งก่อนที่จะสร้างเมืองในแต่ละพื้นที่ (จังหวัด) มักจะต้องทำพิธียกเสาหลักเมืองในพื้นที่ที่อันเป็นชัยภูมิสำคัญ หรือเป็นใจกลางเสมอ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองที่จะสร้างขึ้น การสร้าง “เสาหลักเมือง” ในประเทศไทยเป็นประเพณีที่เก่าแก่ มีมาตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัย และยังดำเนินต่อมาในยุคกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ โดยประเพณีการสร้างเสาหลักเมืองนี้มีรากฐานมาจากประเพณีพราหมณ์ของอินเดีย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นมิ่งขวัญและนิมิตมงคลให้กับบ้านเมืองที่กำลังจะสร้างขึ้นมา และยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงตำแหน่งหลักของเมือง เพื่อช่วยให้บ้านเมืองนั้นอยู่ร่มเย็นและอยู่กันอย่างเป็นสุข นอกจากนี้การสร้างเสาหลักเมือง ยังไม่เพียงแต่เป็นประเพณีที่เป็นความเชื่อก่อนตั้งรากฐานสร้างเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนดั่งเครื่องหมายทางศาสนาและพิธีกรรม ให้ประชาชนหรือคนในพื้นที่ได้รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันอีกด้วย ถ้าให้ยกตัวอย่าง […]

Read More
11/11/2024
เคล็ดลับจัดวางรูปปั้นในบ้านตามหลักฮวงจุ้ย วางยังไงให้เฮง

ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์โบราณที่มีต้นกำเนิดมาจากจีน มีจุดประสงค์เพื่อสร้างสมดุลและความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตของผู้อยู่อาศัย การจัดวางสิ่งของในบ้านหรือที่ทำงานตามหลักฮวงจุ้ยนั้น สามารถช่วยเสริมพลังงานบวกพร้อมกับดึงดูดโชคลาภเข้ามาได้อย่างน่าอัศจรรย์ตามหลักความเชื่อเกี่ยวกับการจัดสรรพลังงานตามธรรมชาติ  โดยในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเคล็ดลับการจัดวางรูปปั้นตามหลักฮวงจุ้ย วางยังไงให้เฮง! พร้อมกับอธิบายถึงความสำคัญของรูปปั้นในฮวงจุ้ย และนำเสนอวิธีการจัดวางเพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้ในการจัดบ้านหรือที่ทำงานได้อย่างตรงใจ พร้อมสร้างความเจริญรุ่งเรืองและความสุขเพื่อเสริมพลังใจในการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่  การวางรูปปั้นในบ้านเกี่ยวข้องกับหลักฮวงจุ้ยอย่างไร? ในหลักฮวงจุ้ย รูปปั้นถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่สามารถเสริมพลังงานให้กับบ้านหรือที่ทำงานได้ไม่น้อยทีเดียว ทำให้การเลือกรูปปั้นที่ถูกต้องไปจนถึงการจัดวางให้เหมาะสม สามารถช่วยเสริมความเจริญรุ่งเรือง ความสุข ความมั่งคั่ง และความมั่นคงในชีวิต ด้วยเหตุนี้การเลือกใช้รูปปั้นที่มีความหมาย ให้พลังงานที่ดี เช่น มังกร ช้าง เต่า สิงโต หรือเทพเจ้า จะช่วยดึงดูดพลังงานบวกเข้ามาในพื้นที่นั้นได้ ในทฤษฎีฮวงจุ้ย พลังงานชี่จะต้องไหลเวียนได้อย่างราบรื่นและไม่มีสิ่งกีดขวาง การจัดวางสิ่งของในบ้านหรือที่ทำงานจึงต้องทำให้พลังงานนี้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เช่น การวางรูปปั้นไม่ควรวางในที่ที่แออัดหรือมืด ควรวางในที่ที่ได้รับแสงสว่างเพียงพอและสะอาด เพื่อให้พลังงานไหลเวียนได้ดี ซึ่งในอีกอีกหนึ่งเรากำลังพูดถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริม(หรือกระตุ้น)จิตใจและอารมณ์ นี่คือจุดที่วิทยาศาสตร์สามารถเข้ามาอธิบายได้ดี เพราะงานวิจัยทางจิตวิทยาได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการจัดวางสิ่งของในบ้านหรือที่ทำงานอย่างเป็นระเบียบและมีความหมาย จะสามารถช่วยลดความเครียดไปจนถึงเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายได้ดี  โดยการสะท้อนให้เห็นถึงภาพของพลังงานที่ถูกจัดวางไว้แบบนี้จะทำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่นั้นรู้สึกถึงมนต์ขลังได้อย่างน่าเหลือเชื่อ นี่คือสิ่งที่ส่งผลกับจิตใจโดยตรง เป็นหนึ่งในพลังหรือแรงบันดาลใจให้เราสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น การจัดวางรูปปั้นในตำแหน่งต่าง ๆ ของบ้านตามหลักฮวงจุ้ย การจัดวางรูปปั้นในบ้านตามหลักฮวงจุ้ยไม่ใช่แค่การเพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน แต่ยังเป็นการเสริมพลังงานบวกและดึงดูดโชคลาภ ความสุข และความเจริญรุ่งเรืองเข้ามา การเลือกตำแหน่งและรูปปั้นที่เหมาะสมจะช่วยเสริมความสมดุลและความสงบสุขให้กับชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัย มาดูกันว่าการวางรูปปั้นในแต่ละตำแหน่งของบ้านตามหลักฮวงจุ้ยนั้นควรทำอย่างไร มีจุดไหนที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษ หน้าประตูบ้านเป็นจุดแรกที่พลังงานจะเข้ามาในบ้าน การจัดวางรูปปั้นในตำแหน่งนี้จึงมีความสำคัญมาก เพื่อเสริมพลังงานบวกและป้องกันพลังงานลบ การจัดวางรูปปั้นช้างหรือสิงโตคู่ที่หน้าประตูบ้านมักเป็นที่นิยม […]

Read More
28/10/2024
รูปปั้นสัตว์ ของตกแต่งคู่กับความเชื่อที่เจอได้ทุกที่

ของตกแต่งบางอย่างมักมีความเชื่อมาอยู่คู่ด้วยเสมอ บางสิ่งเชื่อว่าใส่แล้วจะโชคดีแบบนี้ บางสิ่งมีตกแต่งในบ้านหรือพื้นที่ธุรกิจแล้วจะเสริมดวง เสริมโชค โดยของตกแต่งอย่างหนึ่งที่นับได้ว่าเป็นสิ่งที่คุณจะพบเห็นได้บ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือตามสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์หรือมีความเชื่อต่าง ๆ อยู่ด้วยนั้นคือ “รูปปั้นสัตว์” ของตกแต่งที่มักมาคู่กับความเชื่อและสายมูอยู่เสมอ รูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ กับความเชื่อของไทย เรามักเห็นได้เสมอตามสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์หรือมีความเชื่อต่าง ๆ ของไทยเรา มักจะมีของตกแต่งอย่างรูปปั้นสัตว์หลายชนิดอยู่คู่ด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ม้าลาย เสือ วัว หรือช้าง แต่เคยรู้หรือไม่ว่าสัตว์เหล่านี้มีความเชื่อแบบไหน และตัวรูปปั้นสัตว์แต่ละตัวแสดงถึงอะไรบ้าง วันนี้เราจะพามาดูกัน 1.รูปปั้นม้าลาย หนึ่งในรูปปั้นที่พบเห็นได้บ่อยตามสถานที่ต่าง ๆ บริเวณริมถนน โดยตัวรูปปั้นม้าลายมีความเชื่อว่า หากนำรูปปั้นม้าลายไปวางบริเวณพื้นที่ไหนจะแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทางถนน แต่ไม่ว่าจะมีความเชื่อแบบใดก็ตาม หากยังขับรถด้วยความประมาทก็ยังทำให้ประสบอุบัติเหตุได้อยู่ดี นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่ารูปปั้นม้าลายเป็นเหมือนดั่งสัญลักษณ์คอยเตือนภัยให้กับผู้ขับรถบนท้องถนนให้รู้ว่าบริเวณนั้นเกิดอุบัติเหตุบ่อยอีกด้วย 2.รูปปั้นช้าง ช้างเป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับคนไทย และเป็นเหมือนดั่งสัญลักษณ์ของประเทศไทย จึงทำให้รูปปั้นช้างได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก รูปปั้นช้างนับเป็นสิ่งหนึ่งที่เราคนไทยมักนำไปใช้แก้บนบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะไปบนในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไหนก็ตาม หากนึกสิ่งแก้บนไม่ออก รูปปั้นช้างมักเป็นคำตอบได้เสมอ โดยตัวช้างนี้เป็นเหมือนดั่งสัญลักษณ์แห่งพลัง ความเฉลียวฉลาด และแสดงความเป็นอำนาจ และในทางความเชื่อช้างยังช่วยส่งเสริมความมั่นคงของการทำธุรกิจ และทำให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุขได้ 3.รูปปั้นเสือ รูปปั้นเสือไม่ได้เป็นรูปปั้นที่พบเห็นในเมืองได้บ่อยนัก แต่จะพบเห็นได้สถานที่ต่างจังหวัดที่เป็นป่า หรือภูเขา ด้วยตัวรูปปั้นเสือมีความเชื่อว่า สามารถป้องกันจากภัยอันตรายและสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ […]

Read More

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดต่อเรา
ปูนปั้นช่างบรรจง รับปั้นรูปสัตว์ต่างๆ
ไก่ปูนปั้น ช้าง ม้า วัว ควาย ช้างทรง ม้าทรง ราคาถูกสั่งได้สอบถามก่อนได้ครับ
Line ID : 0819091660
add-line-icon
สถานที่ตั้งหน้าร้าน...
ร้านตั้งอยู่ก่อนถึงหมู่บ้านนนท์ณิชาบางใหญ่ 2 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี